[Blog] for ฮวานอุง RBW BOYZ คนที่ใฝ่ฝันที่จะเป็นศิลปิน

2018. 9. 29. 23:44

วันนี้มีลูกศิษย์ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักคนหนึ่งมาหาฉัน ตอนที่เขาแข่งขันในรายการ Produce 101

เขาเคยมาหาฉันในโอกาสวันครู... แต่ครั้งนี้เขาดูสดใสและมีความสุขกว่าครั้งนั้นอย่างเห็นได้ชัด

เขาบอกว่าเมื่อวานเขามีมินิคอนเสิร์ตและการแสดงก็จบลงด้วยดี พอได้ยินแบบนั้นฉันก็รู้สึกสบายใจไปด้วย

ฉันบอกว่าถ้าฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าเขามีมินิคอนเสิร์ต ฉันคงวิ่งไปโบกแท่งไฟให้เขาหน้าเวทีแล้ว ฮ่าๆ

เขาก็ตอบกลับมาว่าฉันอายุเยอะแล้วถ้าไปยืนอยู่หน้าเวที เดี๋ยวจะเหนื่อยเอา ;;; เดี๋ยวเถอะ

 

ไม่รู้พลังของอาจุมม่าเสียแล้ว ฮ่าๆ ถ้าถึงตอนที่นายเดบิวต์แล้วจริงๆ

อาจุมม่าคนนี้จะโชว์การคลิกด้วยความเร็วแสงกดบัตรไปดูคอนเสิร์ตเธอให้ดู ฮ่าๆ

 

ฉันมีความสุขจริงๆที่พบว่าเมื่อฉันมีอายุมากขึ้นและลูกศิษย์เติบโตขึ้น เราทั้งสองฝ่ายต่างสามารถแบ่งปันเรื่องราวชีวิต

ให้อีกฝ่ายฟังได้มากและลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลูกศิษย์ที่มีลูกก่อนฉันก็คือลูกศิษย์ แต่ก็เป็นรุ่นพี่ในเรื่องของการเลี้ยงลูก

เด็กบางคนที่เดินมาเส้นทางเดียวกับฉัน เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน บางคนก็เคยอยู่ชมรมเดียวกัน

ตอนนี้เรียนจบและกลายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยก็มี กลายเป็นเพื่อนร่วมงานของฉันก็มี ทั้งหมดกลายเป็นส่วนหนึ่งในโชคชะตาของฉัน ฉันรู้สึกอิ่มใจที่สุดที่ได้สัมผัสกับความสำเร็จของลูกศิษย์ และสัมผัสกับความจริงที่ว่าฉันอายุมากขึ้นด้วย

 

ในชีวิตเรามีเรื่องราวมากมายที่แวะเวียนเข้ามาและจากไป บทสนทนาซึ่งพูดถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตอย่างไม่เหนื่อยล้า

และดำเนินอยู่เสมอใน โลกที่ 'ตัวเรา' ถูกเบิร์นเอ้าท์จึงเริ่มต้นขึ้น และเพราะว่าฉันรู้สึกดีกับบทสนทนา

ที่ฉันกับลูกศิษย์คนนี้ได้พูดคุยกันเป็นอย่างยิ่ง ฉันจึงได้เขียน โพสต์นี้ขึ้นมา

 

 

1. เราสามารถเติมเต็มตัวเองด้วยความพยายามได้มากแค่ไหน

 

ขณะที่เครือข่ายสังคมออนไลน์และสมาร์ทโฟนถูกพัฒนาขึ้น สังคมออนไลน์ก็เข้ามายึดครองชีวิตของเรา

จนมีสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สังคมที่มีเนื้อหาและเรื่องราวส่วนตัวได้สร้างคำว่า 'เซเลปoo’ ขึ้นมา

เราทุกคนมักจะนำเสนอตัวเองและพยายามทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมาจนในบางครั้งทำให้เกิดความกดดันกับตัวเอง

 

ตัวเรารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี ว่าสิ่งที่เรามีทั้งหมดเกือบสูญหายไปจนไม่มีเหลือ สิ่งที่เราสามารถทำและ

แสดงออกมาได้มีน้อยมากในระดับที่พูดได้ว่าเรี่ยดิน ทว่าเป็นเพราะสายตาที่กำลังจ้องมองมาทำให้หลายครั้ง

เราใช้งานตัวเองมากเกินไปและต้องนำพลังที่มีไว้สำหรับวันต่อไปออกมาใช้ แต่ทว่าการที่ได้รับรู้ว่า

ตัวเราไม่มีอะไรเลยนั้นยิ่งทำให้เรารู้สึกกระวนกระวายยิ่งกว่า

 

ลูกศิษย์ของฉันที่กำลังใช้ชีวิตศิลปินฝึกหัดอย่างเข้มข้นเพื่อเดบิวต์เป็นนักร้องบอกกับฉันว่า เขาไม่ได้ทำดนตรี

เพื่อความพึงพอใจของตัวเอง ในการเตรียมตัวเพื่อเป็นไอดอลนั้น ‘แฟนคลับ’ ที่จะดูการแสดงของเขาเป็นสิ่งสำคัญ

อย่างขาดไม่ได้ (เขาต้องการแสดงความสามารถของเขาให้แฟนคลับที่คาดหวังกับเขาได้ดู)

เขาจึงต้องเตรียมหลายสิ่งเพื่อไม่ทำให้ผู้คนเหล่านั้นผิดหวัง และเพราะอย่างนั้นจึงเกิดความกดดันตามมาว่า

จะต้องทำการแสดงออกมาอย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

 

'ครูครับ ที่บริษัทมีห้องซ้อมอยู่ใต้ดินล่ะครับ ผมไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยนอกจากตอนไปกินข้าว'

'เหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอคงจะฝึกหนักจนไม่รู้วันรู้คืนเลยสินะ หากเราต้องการทำการแสดงบนเวทีออกมาอย่างราบรื่น

ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ต้องฝึกซ้อมจนกว่าเราจะทำได้ดี 200% เพราะถึงแม้จะทำพลาดไป

เราก็อาจจะยังทำได้ดี 120% และถึงแม้ว่าสภาพร่างกายหรือจิตใจของเราจะไม่ดีมากๆ ในตอนที่ต้องทำการแสดงจริง

เราก็ยังคงแสดงออกมาได้ดี 100% การที่จะฝึกซ้อมจนร่างกายสามารถขยับได้เองโดยอัตโนมัติคือสิ่งที่เรียกว่า มืออาชีพ

ซึ่งสำหรับตัวครูเองยังทำไม่ได้ขนาดนั้นเลย'

 

อย่างน้อยสักครั้งที่พวกเราเคยมุ่งมั่นและตรากตรำเดินอย่างเต็มความสามารถบนเส้นทางที่เราเลือก และใช้เวลา 1 นาที

หรืออาจจะ 1 วินาทีเพื่อเปิดประตูบานนั้น บานที่เราใฝ่ฝันและต้องการที่จะเปิดมันเหลือเกิน แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว

หลังจากที่เราเปิดประตูบานนั้นได้สำเร็จ เราก็เห็นแต่ความว่างเปล่าที่อยู่ข้างหลังบานประตูอย่างน่าประหลาดใจ

เราคิดว่าเราเดินเข้าไปใกล้ประตูบานนั้นแล้ว แต่ความรู้สึกที่ว่าเราไม่ได้เข้าไปใกล้มันเลยยังคงวนเวียนอยู่เสมอ

จนทำให้รู้สึกถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ และในตอนนั้นเองที่เราจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า

 

‘ตอนนี้เรากำลังทำเพื่ออะไร? ทำไปทำไม?’

 

 

2. ถ้าหากเราต้องการที่จะสร้างความเชื่อมั่นสำหรับเส้นทางที่เราเลือก

 

จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะเดินบนเส้นทางไหน พวกเราจะเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดจากจุดหนึ่งที่เคยเลือกก่อนหน้าเสมอ

ภายใต้ความคิดที่ว่าเราจะไม่ใช้ชีวิตโดยการโยนสิ่งที่เราเลือกให้คนอื่นรับผิดชอบและให้เขาชักจูงนั้น

ต้องเชื่อมั่นว่าทางที่เลือกเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เราจึงจะสามารถใช้ชีวิตที่เป็นของตัวเองได้ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว

เราจะประสบความสำเร็จในการเดินบนเส้นทางนั้นหรือไม่ก็ตาม

 

'แล้วเธอจดบันทึกสิ่งที่ทำในแต่ละวันบ้างไหม'

'จดอยู่ครับ ผมจดเรื่องที่ทำแต่ละวันลงสมุดโน้ต เพราะว่าผมเริ่มเขียนแพลนแต่ละสัปดาห์มา

ตั้งแต่ตอนม.ต้นก็เลยกลายเป็นนิสัยไปแล้วครับ' 

 

‘ตัวเธอเมื่อหนึ่งปีก่อนไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองในหนึ่งปีข้างหน้าจะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขนาดไหน

เพราะฉะนั้นเธอในอีกหนึ่งปีข้างหน้าจึงจะเป็นคนที่สามารถปลอบประโลมตัวเธอเมื่อหนึ่งปีก่อนได้’

 

ครูขอให้เธอบันทึกแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆนะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รับรู้ว่าเธอทำในแต่ละวันได้ดีอย่างไร

แต่สิ่งที่เธอสั่งสมมาจะกลายเป็นรากค้ำจุนเวลาที่เธออ่อนแอได้

 

 

3. ถ้าหากมีบางครั้งที่ตัวเราเกิดกลัวขึ้นมา

 

แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็เป็นเพียงต้นหญ้าที่พลิ้วไหวไปตามลมเอื่อยๆอย่างง่ายดาย

แม้เช้าวันนี้จะลุกยืนขึ้นมาได้ แต่พอตกกลางคืนก็ต้องล้มตัวลงนอนในที่สุด ในทุกๆวันมีสิ่งที่ทำให้เราเหนื่อย

และท้อแบบนี้อยู่เสมอ คำว่า “ไม่เป็นไรนะ~ เข้มแข็งเข้าไว้” บางครั้งก็ไม่สามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้น

จากความเหนื่อยล้าได้เลย ถึงแม้ว่าจะนำคำเหล่านั้นมาเป็นพลังให้กับตัวเองแล้วก็ตาม

 

'ทุกครั้งที่รู้สึกท้อแท้ รู้สึกเหนื่อยล้า รู้สึกไม่พอใจ

รู้สึกเสียใจ รู้สึกเดียวดาย

เธอควรพูดออกมา แสดงออกมาตรงๆ

 

เราทุกคนสามารถประสบกับสภาวะแบบนั้นกันได้

เพราะพวกเราต่างก็เป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ

ไม่ว่าใครก็สามารถล้มได้ทั้งนั้น อย่าหมกมุ่นกับมันมากจนเกินไป

แค่อดทนและเฝ้ารอให้ช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นผ่านไป'

 

ฉันบอกให้เขาลองชื่นชมกับแสงไฟนีออนที่ระยิบระยับในยามค่ำคืนแล้วลองซึมซับกับบรรยากาศ

และดื่มด่ำกับอารมณ์ระหว่างทางกลับบ้านดู และบอกให้อ่านหนังสือที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตในรูปแบบต่างๆ

ถึงจะมีเวลาอ่านแค่เพียงวันละหน้าหรืออ่านได้แค่บรรทัดเดียวภายในสองวันก็อยากให้ลองอ่านดู

 

และฉันก็เล่าเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จตอนอายุมากแล้วให้กับลูกศิษย์คนนี้

ที่มักจะพกหนังสือเล่มหนึ่งติดตัวตลอดฟังเช่นกัน

 

5 สิ่งที่เรียนรู้ได้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จตอนอายุมากแล้ว

1. ทำความเข้าใจว่าชีวิตไม่ใช่การวิ่งบนระยะทางเพียงร้อยเมตร แต่เป็นการวิ่งมาราธอน

2. จงรู้สึกขอบคุณกับความสำเร็จของตัวเองด้วยใจจริงอยู่เสมอ

3. ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่น่าอายแต่เป็นสิ่งที่ทำให้เข้าใจถึงสัจธรรม

4. อย่าทำให้ตัวเองจมกับความเจ็บปวดเพียงเพราะความฝันที่ยากจะเป็นไปได้

5. จงอย่าหยุดค้นหาตัวเองจนกว่าจะพบสิ่งที่ชอบอย่างแท้จริง

 

source: HuffPost Korea 

 

ฉันไม่ทราบว่าพวกเด็กๆจะให้ความสำคัญกับคำว่า วัยรุ่น มากน้อยแค่ไหน

แต่ทว่ามีหลายครั้งที่พวกเขาไม่สามารถแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้มากพอ

เพราะยึดติดกับความจริงที่ว่าต้องทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จเดี๋ยวนี้

 

'เธอเคยดูการแสดงของ Michelle Kwan ไหม แม้ว่าเขาจะมีอายุเยอะจนไม่สามารถกระโดดโลดเต้นได้ รูปร่างไม่สวยงาม

และท่าทางการเต้นไม่พลิ้วไหวเหมือนเมื่อก่อน แต่การแสดงของเธอนั้นบอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาของเธอ

ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าใครก็สามารถส่องแสงออกมาได้ด้วยความสวยงามของตัวเองอย่างไรล่ะ'

 

 

เหตุการณ์ในแต่ละช่วงเวลามักจะเปลี่ยนแปลงเสมอ การที่เราผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาคือการแสดงให้เห็นว่า

ที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตที่ได้รับมาอย่างไร เหล่าจิตรกรเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปจะถ่ายทอดความงดงามของศิลปะออกมา

ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพราะชีวิตนั้นมีกลิ่นอายและรสชาติที่ผสมผสานอยู่แตกต่างกันตามแต่ละช่วงวัยอย่างไรล่ะ

 

ในอนาคตเมื่อลูกศิษย์ของฉันมีอายุเท่าฉัน และร่างกายไม่คล่องแคล่วเหมือนในตอนนี้

แต่แขนและขาที่ยื่นออกมาจะเป็นสิ่งที่แสดงเรื่องราว ทั้งความสุขและความเศร้าที่เคยเกิดขึ้นกับเธอ

ฉันภาวนาให้เธอได้เป็นศิลปิน ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิต ถึงแม้จะมีเสียงที่ใหญ่และแหบแห้งก็ตาม

 

ฮวานอุง เธอต้องได้ลิ้มทุกรสชาติของชีวิตเสียก่อนถึงจะเป็นศิลปินที่สามารถเข้าถึงชีวิตของทุกคนได้

ตอนนี้ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าหากเธอจะหยุดพักบ้าง ขอให้ช่วงเวลาในวัยรุ่นของเธอ

มีความสวยงามที่ยังคงลุกโชนและมีสายตาที่กว้างไกลขึ้นนะ!

 

 

source: 꿈꾸는 별샘

translated by bitna.

'etc.' 카테고리의 다른 글

[goodnight, goodus] 181110 - Keonhee  (0) 2018.11.15
[goodnight, goodus] 181103 - Seoho  (0) 2018.11.05
[goodnight, goodus] 181027 - Hwanwoong  (0) 2018.10.29
'oneus do it' Pilot Episode : Interview  (0) 2018.10.26
'22' 181015 - Keonhee  (0) 2018.10.15